top of page

ปฐมวัย (๒)

 

     ท่านเล่าว่า  วันนั้นพอกำหนดลมหายใจเท่านั้นจิตของท่านสงบรวมเร็วมาก หยั่งลงสู่สมาธิสภาวะอารมณ์จิตค่อยๆสงบลงจนลมหายใจละเอียดยิ่งนักกายและใจนั้นเบาสบายภายในใจมีแต่ความสว่างไสว   ดุจมณฑลแว่นแก้วมณี ตลอดเวลาที่นั่งอยู่นั้นกายและ ใจของท่านมีแต่ความอิ่มและสงบสุขจนไม่สนใจเวลาที่ผ่านมาและผ่านไป  เมื่อพบความอัศจรรย์ขึ้นมาสภาวะอารมณ์จึงเปี่ยมไปด้วยธรรมปีติและจิตก็ยังคงนิ่งอยู่ในความสงบและความอิ่มเอิบควบคู่กันไป ทำให้จิตมีความมั่นคงในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์อย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว ขณะนั้นทำให้ท่านระลึกถึงพระคุณของบิดาขึ้นมาว่า โอ้บิดาของเรานี้มีคุณมากนักรู้จักหาอุบายมากล่อมเกลาเราอย่างแยบคายเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรท่านจึงลืมตาขึ้นแล้วลองเพ่งกิ่งไม้ที่โน้มลงมา ท่านว่าชั่วขณะจิตที่เพ่งนั้นคิดว่า ขาด กิ่งไม้ก็ขาดสะบั้นลงทันที  ยังกับใครเอามีดไปตัดเลยทีเดียว ท่านว่าจิตเรานี้มันอัศจรรย์จริงๆ จากนั้นจิตของท่านก็หยั่งลงสู่ไตรลักษณ์ท่านก็พิจารณาถึงชีวิตของท่านว่าชีวิตคนเราเกิดมามีแต่ความผันแปร แล้วกลับกลายเป็นทุกข์โทษให้เดือดร้อนรำคาญใจ ทั้งภายในภายนอกไม่สิ้นสุด แม้ตายแล้วทุกข์ก็หาหมดไปไม่ จะสิ้นสุดหมดทุกข์ไปได้อย่างไร  จึงพิจารณาเห็นว่าชีวิตคนเรานั้นก็เหมือนการทำไร่ไถนา ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน ไม่มีที่สิ้นสุด ต้องทำแล้วทำอีกปีต่อปีไม่มีหยุดท่านจึง  เกิดความเบื่อหน่าย ในโลกสมบัติทั้งมวล แต่ความสงบที่เกิดภายใต้ร่มมะซางในวันนั้น  ท่านก็นำมาเป็นแนวทางในการทำสมาธิของท่านในเวลาต่อมา  

นาง ละออง เกตุประทุม      พี่สาวของหลวงพ่อ

คัมภีร์จันทกลา   สุริยกลา

ที่หลวงพ่อศึกษาจากบิดามาตั้งแต่เยาว์วัย

           จากอุปนิสัยส่วนตัวและฝึกสมาธิที่ท่านทำอย่างต่อเนื่อง  จึงทำให้ท่านเป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน เรียบร้อย  จึงเป็นที่รักของบิดามารดาและพี่น้องทั้งคนที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง แต่องค์ท่านเองก็ไม่ได้บอกเรื่องทำสมาธิใต้ร่มมะซางให้ใครทราบในตอนนั้น ท่านเพิ่งนำมาเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๐รวมทั้งข้อมูลต่างๆในเล่มนี่ส่วนมากก็ได้องค์ท่านแสดงให้ฟังในขณะที่องค์ท่านรักษาอาการอาพาธอยู่ที่ โรงพยาบาลพญาไท กรุงเทพมหานครเหตุที่นำมาเขียนในตอนปฐมวัยนั้น เพราะประวัติในวัยเด็กของท่านจะได้ต่อเนื่องกันส่วนฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวในระยะหลังก็ค่อนข้างมีอันจะกิน เพราะครอบครัวของท่านมีความขยันขันแข็งกันทุกคน  ทั้งบิดามารดาของท่านก็เป็นที่รักใคร่นับถือของคนถิ่นนั้นเป็นอย่างมาก  เพราะบิดาของท่านมีวิชาความรู้ทั้งเรื่องยาสมุนไพรและไสยศาสน์เป็นอย่างดี สมัยนั้นแถบบ้านย่านนี้มีแต่ป่าดง ใครเจ็บไข้ได้ป่วย หรือผีเข้าจ้าวสิงก็มักจะมาให้บิดาของท่านแก้ไขในเบื้องต้นซึ้งก็ได้ผลเป็นที่ประจักษ์

          จากคำบอกเล่าของคนในสมัยนั้นเคยรู้จักมักคุ้น และเคยได้รับการรักษาจากบิดาของท่านเคยเล่าให้ฟังว่าบิดาของหลวงพ่อมีวิชา   ที่แปลกคือคนปวดแข้งปวดขาถ้ามาให้บิดาท่านรักษาก็ไม่จำเป็นต้องทายาอะไรเลยบิดาของท่านจะรักษาโดยการภาวนาเอามือวนหัวเข่าตนเอง พรางเป่าไปที่เข่าประมาณสามครั้งคนป่วยก็จะหายปวดทันที บางครั้งผู้ป่วยมาไม่ไหวให้ญาติมาบิดาท่านก็ภาวนาเป่าหัวเข่าตนเองสามครั้งแต่ผู้ป่วยซึ่งนอนอยู่ที่บ้านกลับหายเป็นปกติได้ คนที่มาให้บิดาท่านรักษาส่วนมากจะมาจากหนองโสนซึ่งสมัยนั้นบิดาท่านก็เป็นที่เชื่อถือของชาวบ้านเป็นอย่างดี อีกทั้งบิดามารดาของท่านก็เป็นคนชอบให้ทานโดยการทำขนมแจกคนเดินทางบ้าง สร้างศาลาชั่วคราวมุงหญ้าคาแล้วตั้งน้ำดื่มน้ำใช้พร้อมกระจกเงา แป้งและหวีไว้ภายในสำหรับผู้เดินทางผ่านไปและผ่านมาจะได้ใช้แล้วบิดามารดาของท่านยังชอบเข้าวัดถือศีลปฏิบัติธรรมอยู่เป็นนิจ โดยเฉพาะวันอุโบสถ เพราะเหตุนี้เองคนในครอบครัวของท่านจึงผูกพันกับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย

© 2015 by Piyanuch  Charernmool. Proudly created with Wix.com 

  • facebook
bottom of page